*** การลงทะเบียนโปรแกรมโปรดติดต่อ EMail: jakraval@hotmail.com Tel.: 081-8659686 *** โปรแกรมใหม่ในระบบโปรแกรมทะเบียนทรัพย์สิน ***
 
.:: Member ::.

.:: คลิ๊ปการใช้โปรแกรม ::.

.:: คู่มือโปรแกรม ::.

.:: ดาวโหลดโปรแกรม ::.

.:: มุม RC ::.

.:: Counter ::.

498058 (by http://msglive.org)498058 (by http://msglive.org)498058 (by http://msglive.org)498058 (by http://msglive.org)498058 (by http://msglive.org)498058 (by http://msglive.org)

สมาชิก 0 คน
สมัครใหม่ 0 คน
 msglive.org --> มุม RC --> รู้จักน้ำมันเติมรถ
     

ควรรู้อะไรบ้างกับน้ำมันเติมรถยนต์

     


1. ค่าออกเทนในน้ำมัน

          ค่าออกเทนเป็นตัวเลขที่บอกถึงความสามารถในการต้านทาน การน็อก (Antiknock Quality) ของน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน โดยในสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเบนซินถูกจุดระเบิดจากประกายไฟ หัวเทียนก็จะติดไฟ เกิดเปลวไฟลุกลามเผาไหม้จนหมด และระเบิดให้พลังงานขับเคลื่อนลูกสูบต่อไป แต่ถ้าบางส่วนของเชื้อเพลิงที่เปลวไฟยังไปไม่ถึงเกิดจุดระเบิดขึ้นก่อน (Pre-ignition) อันเนื่องมาจากความร้อนและความดัน ก็จะทำให้เครื่องยนต์เกิดการน็อคขึ้น ซึ่งสังเกตได้จากจะมีเสียงเหมือนเสียงเคาะโลหะดังกิ๊งๆ เกิดขึ้นการใช้น้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนที่เหมาะสมจึงมีผลดีต่อการทำงาน ของเครื่องยนต์ เช่น การเผาไหม้สมบูรณ์ เครื่องยนต์สะอาดปราศจากเขม่า ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ลดมลภาวะในสิ่งแวดล้อม และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ และน้ำมันเครื่อง ฯลฯ ดังนั้น ค่าออกเทนในน้ำมันเบนซินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ผู้ผลิตจะต้องปรับปรุง คุณภาพของน้ำมันให้เหมาะสมกับการใช้งานของเครื่องยนต์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

           ในกระบวนการผลิตน้ำมันเบนซินของโรงกลั่นน้ำมัน ในเบื้องต้นยังมีคุณภาพในการป้องกันการน็อกต่ำ ไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง จึงจำเป็น ต้องมีการเพิ่มค่าออกเทน วิธีการเพิ่มค่าออกเทนในน้ำมันเบนซินสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ การปรับปรุงขบวนการกลั่น การเติมสารตะกั่ว การเติมสารแมงกานีส และการเติมสารที่มีค่าออกเทนสูง เช่น สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ (Oxygenate) เป็นต้น วิธีที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย คือ การใช้สาร Oxygenate มาผสมในน้ำมันเบนซิน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มค่าออกเทนแล้ว ยังช่วยลดมลพิษที่ออกจากไอเสียรถยนต์ เช่นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และยังช่วยลดการเกิดโอโซน ซึ่งเป็นผลมาจากการระเหยของน้ำมันเบนซินได้ด้วย

ที่มา : http://www.doeb.go.th/v3/knowledge/oil_knowledge.htm

     

2. อุณหภูมิ ณ จุดระเบิดของเชื้อเพลิง

    • อุณหภูมิจุดระเบิด ดีเซล ประมาณ 250 – 280 องศาเซลเซียส
    • อุณหภูมิจุดระเบิด เบนซิน ประมาณ 380 – 450 องศาเซลเซียส
    • อุณหภูมิจุดระเบิด LPG ประมาณ 500 องศาเซลเซียส
    • อุณหภูมิจุดระเบิด NGV ประมาณ 650 องศาเซลเซียส

ที่มา : http://www.goodenergythailand.com/th/products-info.aspx

 

     

3. น้ำหนักบรรทุก

รถยนต์ที่เติมแก๊สจำเป็นต้องบรรทุกถังแก๊สไปด้วย ซึ่งถังแก๊สมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทรงกลมเหมือนไส้กรอกเรียกว่าถังแคบซูล หรือแบบวงกลมเรียกว่าถังโดนัท

น้ำหนักแก๊ส LPG 1 ลิตร = 0.556 กิโลกรัม

ความสามารถในการบรรจุแก๊สของถังแต่ละประเภท  ถังโดนัทเขาว่าเติมได้ 85%ของความจุถังนั้น จากที่ทดสอบมาจะเติมจริงได้ไม่เกิน 70% เท่านั้น  ถังแคปซูลส่วนใหญ่จะเติมได้ใกล้เคียง 85% ของความจุถัง

ยกตัวอย่าง

ถังโดนัท 42 ลิตร จากเพลทถัง น้ำหนักอยู่ที่ 25.5kg
เติมแก๊สได้ 70% => (42x70) / 100 = 29.4 ลิตร
จำนวนเติมคิดเป็นน้ำหนัก 29.4 x 0.556 = 16.3464kg
น้ำหนักรวม นน.ถัง + นน.แก๊ส = 25.5 + 16.3464 = 41.8464 kg

ตัวเลขชุดนี้เป็นน้ำหนักเฉพาะถังอย่างเดียว หากรวมกับเหล็กดาม น๊อตยึด ให้บวกอีกสัก 5kg

ดังนั้นน้ำหนักรวม = 41.8464 + 5.0=> ประมาณ 47 kg

ถังแคปซูลขนาด 58 ลิตร

เติมแก๊ส (58x85) / 100 = 49.3ลิตร
น้ำหนักแก๊ส 49.3 x 0.556 = 27.41kg
น้ำหนักถังรวม 21.6 + 27.41 = 49kg
ขาถัง ประมาณ 5kg ดังนั้นน้ำหนักจริง 49 + 5 = 54kg

     

4. น้ำมัน E85

นับเป็นทางเลือกใหม่ของเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ E85 คือ

  1. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 คือ เชื้อเพลิงผสมสำหรับใช้งานรถยนต์ โดยผสมน้ำมันเบนซินมาตรฐานเข้ากับเอทานอล (E) ในสัดส่วน 15% และ 85% ตามลำดับ จึงถูกเรียกเป็น E85
  2. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 มีผลทำให้สมรรถนะของรถยนต์ลดลงหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ ในทางกลับกันเอทานอลบริสุทธิ์จะมีระดับออกเทนอยู่ที่ 107 - 113 ซึ่งนับว่าสูงกว่าน้ำมันเบนซิลที่มีออกเทนอยู่ที่ 91 และ 95 ดังนั้น การผสมเอทานอลลงในน้ำมันเบนซิลออกมาเป็นน้ำมัน E85 จะช่วยเพิ่มค่าออกเทนให้กับน้ำมันมากยิ่งขึ้นกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดา ทั้งนี้แก๊สโญฮอล์ E85 มีระดับออกเทนอยู่ที่ 105 เพิ่มแรงม้าให้กับรถยนต์อีก 5 - 10% เมื่อเทียบกับเบนซิลธรรมดา และยังช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบขึ้นอีกด้วย
  3. E85 มีผลให้รถยนต์เปลืองน้ำมันมากขึ้นหรือไม่ ใช่ เอทานอลบริสุทธิ์ให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันเบนซินธรรมดาประมาณ 23% (เอทานอลมีปริมาณหน่วยความร้อน 84,600 บีทียูต่อแกลลอน ส่วนเบนซินบริสุทธิ์ ออกเทน 95 มี 125,000 บีทียูต่อแกลลอน) นั่นหมายถึงระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่า
  4. E85 ในรถเบนซินธรรมดาได้หรือไม่ รถที่เครื่องยนต์ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะเพื่อใช้กับน้ำมัน E85 ไม่ควรใช้น้ำมัน E85 เนื่องจาก แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติไม่เหมือนน้ำมันเบนซิน ซึ่งจำเป็นต้องปรับโครงสร้างทางวิศวกรรมบางส่วนเพื่อให้รองรับน้ำมันชนิดนี้ได้
  5. รถที่ใช้ E85 ได้คือรถยนต์ที่อยู่ในกลุ่ม FFV (Flex Fuel Vihicle) คือ เครื่องยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลซึ่งเติมได้ตั้งแต่น้ำมันเบนซินธรรมดา แก๊สโซฮอล์ E10 E20 ไปจนถึง E85 เนื่องจาก FFV จะมีหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิคส์ (ECU) คอยวัดปริมาณโมเลกุลของออกซิเจนที่เข้าไปในเครื่องยนต์ และปรับการทำงานให้เหมาะสมกับน้ำมันที่เติมเพื่อให้รถยนต์ทำงานได้เต็มสมรรถนะ
Ready 9,681 Time(s) 
อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก 26000